ปรากฏการณ์ผลกระทบข้ามพรมแดน ธรรมชาติ สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ ในความผันแปร

พรรษชล .. ลมฝน – สายน้ำ กลางพรรษา ประมาณกลางเดือนสิงหาคม คือช่วงฤดูฝนในความทรงจำของคนเหนือในพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง สายฝนตกกระหน่ำอย่างไม่ขาดสาย หรือคำว่า “ฝนซึง” เป็นช่วงเวลาอยู่กับบ้านเฝ้าระวังน้ำนองโดยการกำหนดจากธรรมชาติ ลำห้วยอาจไหลทะลัก น้ำอิง-กก นองล้นฝั่ง แม่น้ำโขงยกระดับสูงขึ้น ปริมาณน้ำเจิ่งนองเพิ่มขึ้น ริมฝั่งแม่น้ำอิงมีธรรมชาติรองรับน้ำด้วยป่าริมแม่น้ำ ป่าแขม ป่าข่อย ป่าชมแสง หลง หนอง แม่น้ำกก พื้นรับน้ำบริเวณปากแม่น้ำเรียกว่า ปง หลง-หนอง พื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงในอดีต เราต่างคุ้นเคยกับภาพน้ำนอง กับการรอคอยช่วงเวลาปลายฝน-ต้นหนาว นับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป คือช่วงเวลาของความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณธัญญาหาร … ฝนกลางพรรษาปีนี้กลับกลายเป็นความหวาดหวั่น หวาดละแวง และความหวาดกลัว

พื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยในบริเวณลุ่มน้ำโขงเหนือ หรือลุ่มน้ำอิง-กก โขง และแม่น้ำสาขาอีก เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เฉพาะถิ่น มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์มากถึง ๓๐ กลุ่ม ดำรงวิถีพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ คลอบคลุมเขตการปกครอง จังหวัดเชียงราย-พะเยา และอำเภอแม่อาย-ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ลุ่มน้ำ ๑๗,๔๓๕.๒๘ ตารางกิโลเมตร หรือราวๆ ๑๐ ล้านกว่าไร่ ข้อมูลประชากรและครัวเรือน รวบรวมจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ปี พ.ศ.๒๕๖๒ จาก ๓ จังหวัด ๓๐ อำเภอ ๑๙๙ ตำบล รวมทั้งสิ้น ราว ๑,๙๔๑,๕๓๕ คน ๘๐๘,๓๙๖ ครัวเรือน

แม่น้ำอิงมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาผีปันพื้นที่จากป่าต้นน้ำไหลลงหนองเล็งทราย พร้อมกับลำห้วย สาขา ๑๒ สาย สู่พื้นที่รับน้ำกว๊านพะเยา หลังจากนั้นไหลย้อนขึ้นทางทิศเหนือตลอดความยาว ๒๖๐ กิโลเมตร ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่บ้านปากอิง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

แม่น้ำกกมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาแดนลาวในเมืองกก เขตรัฐฉาน ไหลเข้าสู่ประเทศไทยในเขตตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านพื้นที่ราบลุ่มน้ำกกตอนล่างสู่แม่น้ำโขงที่บ้านสบกก อำเภอเชียงแสน รวมความยาว ๒๘๕ กิโลเมตร ความยาวในไทย ๑๔๕ กิโลเมตร

แม่น้ำโขงต้นทางจากที่ราบสูงธิเบตบนความสูง ๕,๒๒๔ เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ต้นธารน้ำเกิดจากลายจากหิมะละลายเป็นสายน้ำโขงเข้าสู่พื้นที่มลทลยูนนาน เชียงรุ่ง รัฐฉาน ลาว ไทย เขมร เวียดนาม สู่ทะเลจีนใต้ รวมความยาว ๔,๙๐๙ กิโลเมตร

สิงหาคม ๒๕๖๗ เป็นปีที่เกิดปรากฎการณ์น้ำเริ่มนองตั้งแต่ต้นเดือน และผันผวนท่วมหนักในกลางเดือนท่วมยาวนานไหลบ่ามาทุกสขา กับการหนุนน้ำโขง ข้ามมาถึงเดือนกันยายน ปรากฎตัวเลขพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง สร้างผลกระทบต่อทุ่งนา สวน ที่อยู่อาศัย ราว ๓ แสนไร่ในเบื้องต้น เป็นเหตุการณ์ที่ต้องเรียนรู้เพื่อตั้งรับปรับตัว ทบทวนวิถีการดำรงอยู่ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติในอนาคต

ย้อนรอยน้ำท่วม…เรื่องเล่าจากชาวบ้าน อิง-กก โขงพ.ศ. ๒๕๐๙ น้ำท่วมหนักสุดเมื่อ ๕๘ ปีที่ผ่านมา ว่ากันว่าท่วมเมืองเชียงแสน-เชียงของ สายน้ำไหลจากปากแม่น้ำย้อนลึกเข้าไปถึง ๕๐ กิโลเมตร ทั้งที่ราบลุ่มปากน้ำกก ทุ่งสามหมอน ศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ กลายเป็นพื้นที่รับน้ำนับหมื่นไร่ น้ำอิงท่วมไปถึงบ้านป่าตาล หรือ อำเภอขุนตาลในปัจจุบัน มวลน้ำส่วนใหญ่ยกระดับจากแม่น้ำโขง ยุคสมัยที่ยังไม่เกิดการพัฒนาแม่น้ำโขงเพื่อพลังงานไฟฟ้าจากเขื่อน

พ.ศ.๒๕๑๖ น้ำอิงท่วมหนักมาจากตอนบนไหลแรงจนกระทั่งทำให้สะพานข้ามแม่น้ำอิงขาดสบั้น บนถนนหมาย ๑๐๒๐ อำเภอเทิง ท่วมที่อยู่อาศัยปากแม่น้ำลาว-อิง น้ำนองท่วมทุ่งนายาวไปถึงปากน้ำอิง บ้านปากอิง เชียงของ ป่าต้นน้ำสาขา หงาว-งาว ยังเงียบสงบ ไม่มีเหตุการณ์น้ำป่าทะลัก ความเสียหายครั้งนี้ยังหาข้อมูลหรือพูดถึงได้ไม่มากนัก สภาพแวดล้อมระบบนิเวศน์ ณ ขณะนั้นชายฝั่งยังเป็นธรรมชาติ มีหาดทราย ต้นไม้ริมฝั่ง ตลิ่งริมน้ำยังคงถูกปกคลุมด้วยพรรณไม้นำตลอดแนว ต่างจากปัจจุบันฝั่งน้ำธรรมชาติกลายเป็นเขื่อนกันตลิ่ง มีเรื่องเล่าเป็นตำนานว่า “ปีใหนน้ำนองล้นฝั่ง ปีนั้นปลาหลาย-พายเรือลงน้ำ บ่ได้จ้ำ ก็ได้ฮีบ” ตำนานกำลังเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

พ.ศ.๒๕๓๘ ทิศทางการไหลนองของน้ำอิงยังคงเคลื่อนตัวตามธรรมชาติ ฝนตกต่อเนื่องในเดือนสิงหาคมน้ำยังคงล้นฝั่งมาจากตอนบนส่วนใหญ่ท่วมในที่ราบน้ำท่วมถึงตั้งแต่ท้ายกว๊านพะเยา ถึงเขตเชียงของ พื้นที่หมู่บ้านปากแม่น้ำลาว-อิง เอ่อถึงสี่แยกไฟแดง แต่ไม่ข้ามถนนเข้าพื้นที่เศรษฐกิจ ริมฝั่งเริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เป็นที่อยู่อาศัย-พื้นที่เกษตรเพิ่มขึ้น เมืองขยายตัว

พ.ศ.๒๕๕๑ สถานการณ์กลับไปสู่การยกระดับมวลน้ำจากแม่น้ำโขงอีกครั้ง โดยที่แม่น้ำ อิง-กก อยู่ในสภาวะ ฝนตกน้ำนองปกติโดยไม่กังวลใจ เริ่มมีข้อมูลความเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติจากการพัฒนาในแม่น้ำโขงโดยการสร้างเขื่อนจิงหงแห่งที่๔ ห่างจากชายแดนไทย ๓๔๒ กิโลเมตร ในแม่น้ำโขง และการระเบิดเกาะแก่งเพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้า ๕๐๐ ตันกรอส เป็นปีที่ฝนตกต่อเนื่องยาวนานถึงเดือน ตุลาคม กับกระแส-สภาวะโลกร้อน

พ.ศ.๒๕๖๗ ปรากฏการณ์น้ำท่วมช่วงกลางพรรษาปีนี้ เริ่มต้นตั้งแต่เข้าสู่เดือนสิงหาคม หนักต่อเนื่องทั้งน้ำอิง-น้ำกก ไหลบ่ามาทุกสาขา แม่น้ำสายไหลทะลัก ๘ ครั้ง ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนือ ขณะที่เขียนบทความ-น้ำกก ก็ทะลักเข้าเมืองอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ชุ่มชนริมน้ำพื้นตำบลแม่ยาว ตำบลรอบเวียง ตำบลริมกก และพื้นที่ปลายน้ำอำเภอเชียงแสน ตำบลโยนก ตำบลบ้านแซว ต่างได้รับความเสียหายทั้งที่อยู่อาศัย กับพื้นที่เกษตร ในรอบ ๑๐๐ ปี

สรุปบทเรียนเบื้องต้นว่าความรุนแรงในครั้งนี้ คือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกร้อน โลกรวนการกระหน่ำของฝนข้ามวันข้ามคืนเกิน ๒๓๐ มิลลิเมตร มีลักษณะ Rain bomb ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศน์ของทรัพยากรธรรมชาติ ป่าต้นน้ำ ที่ราบลุ่มน้ำ ส่งผลกระทบความเสียหายทางสังคม เศรษฐกิจชุมชนนับแสนไร่ พื้นที่เศรษฐกิจในเมืองเชียงราย และอำเภอรอบนอก เช่น แม่สาย แม่จัน เทิง ขุนตาล พญาเม็งราย เชียงของ เวียงแก่น

การรับมือในอนาคตควรต้องสร้างความรู้ความเข้าใจในหลายด้าน การมีส่วนร่วมของชุมชนในการวิเคราะห์ วางแผนการจัดการพื้นที่ การพัฒนาข้อมูล ผังเมือง ผังน้ำ เส้นทางคมนาคมต้องออกแบบให้มีทางในไหลผ่านตลอดแนว การฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร การจัดการพื้นที่รับน้ำ การบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างขวางลำน้ำ ไม่ให้มีอุปสรรคการไหลของน้ำในฤดูน้ำหลาก

เราคงต้องยอมรับ และเรียนรู้การตั้งรับปรับตัว สร้างนวัตกรรม – เทคโนโลยี การใช้ประโยชน์พร้อมกับการดูแลรักษาพื้นที่ รักษาความมั่นคงทางอาหารอย่างไร โดยการมีส่วนร่วมกับชุมชน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานอย่างสร้างสรรค์

เขื่อนขนาดใหญ่ ประตูควบคุมน้ำต้นทุนสูงยังตอบโจทย์ปัญหาน้ำท่วม – น้ำแล้ง ได้ผลตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ทั้งในแม่น้ำสาขา กับแม่น้ำโขง จะมีการตรวจสอบจะมีแนวทางตรวจสอบ และหาทางออกอย่างไรกับเกษตรแปลงใหญ่ในระบบชลประทาน กับการผลิตกระแสไฟฟ้าที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และอีกเรื่องสำคัญกับปรากฏการณ์ผลกระทบข้ามพรมแดนจากน้ำแม่สาย แม่กก แม่น้ำโขง เพราะธรรมชาติของสายน้ำบนโลกใบนี้ไม่ได้มีพรมแดนตามอำนาจรัฐ ทั้งระบอบประชาธิปไตย หรือสังคมนิยม

หลังความโกลาหล..ในพื้นที่ประสบเหตุการณ์แผ่ขยายกว้างใหญ่ มีผู้เดือดร้อนในซอกหลืบไม่มีคนภายนอกรับรู้ คาดการณ์จากข้อมูลการใช้ที่ดินในลุ่มน้ำโขงเหนือ แตะไปที่หลักแสนไร่ รวมทั้งที่อยู่อาศัย แปลงพืช-ผักในหมู่บ้าน สวนไม้ผล – พืชเศรษฐกิจ นาข้าวล่มเกือบทั้งลุ่มน้ำ อิง – กก โขง

ฝนกลางพรรษากำลังเปลี่ยนแปรไปตามเหตุปัจจัยพร้อมกับเหตุการณ์ผลกระทบอันรุนแรง ยากกับการคาดการณ์ดังอดีต ผลพวงจากการเจริญเติบโตของมนุษย์ทุกคนบนพื้นโลก เราไม่อาจหวงห้ามวิถีการดำรงวิถีอันหลากหลาย กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานจากแม่น้ำ ปรากฏการโลกร้อน – โลกรวน แผ่นดินไหว หมวกควันไฟป่า น้ำแล้ง – น้ำท่วมใหญ่ จากฝนเทเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ พื้นที่รับน้ำโดยธรรมชาติถูกกร่อนเซาะทำลาย ถูกใช้งานผิดประเภทจนเสียสมดุล ไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันจากธรรมชาติ ลูกหลานจะมีชีวิตอยู่อย่างไรในสายน้ำ – สายฝนกลางพรรษา..ในอนาคตเบื้องหน้า