รุ่นพี่คนหนึ่งเคยบอกฉันว่า “วีรบุรุษเป็นได้เมื่อตายในหน้าที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงสามเดือน ทุกคนก็ลืม” ประโยคนี้หากคนกล่าวเป็นชาวบ้านทั่วไปฉันคงรู้สึกท้อใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อคนกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ฉันรู้สึกถึงความน้อยเนื้อตำ่ใจของเขา

หลายวันผ่านมา ฉันมองเห็นความตาย การสูญเสียของเจ้าหน้าที่ คืนนี้ ฉันคิดถึงชายคนหนึ่ง…

เป็นเวลากว่า ๗ ปี เหตุการณ์เหล่านี้ฉันควรจะลืมไปแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยามบ่ายของวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๕ บนเส้นทางหมู่บ้าน จะลอ-ลิเซ ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

ฉันรู้จักผู้ชายคนหนึ่งชื่อ ร้อยตำรวจตรีศิรวิทย์ พูลกำลัง ตำแหน่ง รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เป็นนายตำรวจท่านหนึ่งซึ่งตั้งใจทำงาน องอาจ เข้มแข็ง วันเกิดเหตุ เขาปฏิบัติงานตั้งจุดตรวจจุดสกัดยาเสพติดตามปกติ

ขณะที่ฉันนั่งทำงานบนสถานีตำรวจ ได้รับแจ้งศูนย์วิทยุสื่อสารว่า เกิดเหตุยิงปะทะ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มคนร้าย มีผู้เสียชีวิต

โดยมิมีใครสั่งการ ฉันสวมเสื้อเกราะ พกอาวุธ แล้วกระโดดขึ้นรถออกเดินทาง

เหมือนเช่นทุกครั้ง ฉันเตรียมจิตใจให้สงบนิ่ง บนเส้นทางลัดเลียบสันเขา ฝั่งหนึ่งเป็นประเทศไทย อีกฝั่งหนึ่งเป็นเขตแดนประเทศพม่า มองออกไปเห็นถนนลูกรังสีแดงเขตแดนประเทศพม่า มองเห็น “ผาขาว”

ฉันวางมือไว้บนปืนพก หวังว่ามันจะปกป้องชีวิตฉันในห้วงวิกฤติ รถกระบะเดินทางพร้อมกำลังพลเป็นแถวยาว เมื่อล้อรถหยุดหมุน ฉันมองเห็นเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหารยืนประจำจุด

เหตุการณ์ยิงปะทะสงบลงแล้ว มองเห็นรถยนต์สายตรวจ จอดกลางสามแยกทางเข้าหมู่บ้าน จะลอ-ลิเซ มองเห็นร่องรอยลูกกระสุนปืนหลายนัดบนตัวรถ ไม่ห่างกันนัก มีรถยนต์กระบะของคนร้ายอีกคันจอดอยู่

บนพื้นดินทั่วบริเวณเต็มไปด้วยปลอกกระสุน
ฉันเดินเข้าไปบริเวณท้ายรถสายตรวจ มองเห็นชายชาวพม่านอนนอนเสียชีวิตอยู่

ฉันหันมองชายคนหนึ่ง เขานอนหงายอยู่บนพื้น มือยังถือปืนเอ็ม ๑๖ ไว้แน่น เครื่องแบบกากีคอพับแขนยาวยังดูเรียบร้อย แต่มองเห็นรอยบาดแผลจากกระสุนบริเวณลำคอ หัวใจฉันเบาหวิว เขาสิ้นลมหายใจแล้ว

หลายคนสงบนิ่งเฝ้ามองนายตำรวจท่านหนึ่ง นำผ้าห่มคลุมร่าง ร.ต.ต.ศิรวิทย์ พูลกำลัง เวลาชีวิตของเขาสั้นนัก ฉันมองเขาแล้วรู้สึกเหมือนสูญเสียพี่น้องของเราไปอีกคน

ฉันมองเห็นเพื่อนอีกคนหนึ่งในเหตุการณ์ เขายืนมองฉัน แม้ยามนี้เขาจะลาออกจากราชการเพื่อรับผิดชอบความผิดบาปในหัวใจที่ไม่สามารถปกป้องชีวิตของลูกชุด

“รอดมาได้ก็ดีแล้ว” ฉันตบไหล่เขาแต่ในหัวใจยังคิดถึงเพื่อนตำรวจในเหตุการณ์อีก ๒ คน

ฉันมองลงไปบนสถานที่เกิดเหตุ มีการต่อสู้ยิงปะทะระยะประชิดระหว่างเจ้าหน้าที่กลับกลุ่มคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ๔ นาย กับกลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า ๑๐ คน กลุ่มคนร้ายมีอาวุธครบมือ สังเกตจากปลอกกระสุนปืนคนร้ายใช้ปืนเล็กยาวอาก้า หรือ เอเค – ๔๗ และกระสุนปืนพกสั้นหลายขนาด เวลาที่ใช้ในการยิงปะทะคงไม่ต่ำกว่า ๒๐ นาที

เสียงวิทยุจากศูนย์วิทยุสถานีตำรวจดังขึ้น เจ้าหน้าที่สื่อสารแจ้งว่า นายตำรวจอีกท่านไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนรุ่นพี่ตำรวจชื่อ ดาบตำรวจโยธิน แก้วคำอ้าย ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง เขารอดชีวิตจากเหตุยิงปะทะ แต่มิแน่ใจว่า จะเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาลหรือไม่ เพราะเขาหมดสติและเสียเลือดมาก แต่มินานนัก ก็รับแจ้งยืนยันว่า เขาปลอดภัย

บนผืนดินของประเทศของเรา มีวีรบุรุษมากมาย หลายเหตุการณ์มิถูกจดบันทึก หลายเหตุการณ์ถูกหลงลืม ฉันมักเฝ้ามองธงชาติ นึกถึงสิ่งที่พวกเขาเสียสละเพื่อปกป้องไว้เพื่อพวกเรา