ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัด กษ. นำคณะ รุก บุกตลาดสินค้าเกษตรรัสเซีย คาดลงนาม MOU ซื้อขายสินค้ายางพาราครึ่งแรกของปี 2564 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประคณะอนุกรรมาธิการด้านความร่วมมือด้านการเกษตรรัสเซีย – ไทย ครั้งที่ 4 ร่วมกับนายแม๊กซิม มาร์โควิช (Mr. Maxim Markovich) อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงเกษตรแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาความร่วมมือด้านการเกษตร และการเพิ่มมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างรัสเซียและไทย ตามนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ภายใต้การบริหารงานของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่านระบบ Video Conference ณ ห้องประชุม 134 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ในการหารือครั้งนี้จะมีการพิจารณาประเด็นการค้าสินค้าเกษตรที่คงค้างระหว่างกัน ได้แก่ สินค้าประมง และสินค้าปศุสัตว์ เพื่อสร้างความเข้าใจระบบด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช รวมถึงกฎระเบียบการนำเข้า และส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างกัน รวมถึงผลักดันสินค้าเกษตรชนิดใหม่ที่มีศักยภาพในตลาดผู้บริโภครัสเซีย ในปี 2562 รัสเซียเป็นคู่ค้าสินค้าเกษตรอันดับที่ 35 ของไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างกันปีละ 7,940 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับรัสเซีย ไทยส่งออกไปรัสเซียมูลค่า 5,192 ล้านบาท สินค้าส่งออกหลักได้แก่ สับปะรดปรุงแต่ง ข้าวที่สีบ้างแล้วหรือสีทั้งหมด ปลาทูนา ปลาสคิปแจ๊ค ปลาโบนิโต เป็นต้น และไทยนำเข้าจากรัสเซียมูลค่า 2,748 ล้านบาท สินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ ปลาแซลมอนแช่แข็ง ปลาซอคอาย ปลาซาร์ดิเนล ปลาบริสลิ่ง ปลาอลาสกพอลลัค กุ้งน้ำเย็นแช่งแข็ง เป็นต้น

นายระพีภัทร์ฯ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การในวันนี้ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องตั้งเป้าขยายมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น ทั้งสินค้าประมง ปศุสัตว์ และสินค้าจากพืช เช่น มะม่วง มะพร้าว สินค้าค้าออแกนิค เนื่องจากสินค้าเกษตรของไทยมีคุณภาพและมีมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอเปิดตลาดสินค้าเกษตรชนิดใหม่ๆ เช่น แมลงที่กินได้ (Edible Insect) ผลิตภัณฑ์ผงโปรตีนที่ทำมาจากแมลง รวมทั้ง พืชผักสมุนไพรไทย ทั้งในรูปแบบสด และรูปแบบผงแปรรูป โดยฝ่ายรัสเซียยินดีกระชับการเป็นคู่ค้าสินค้าเกษตรกับไทยมากยิ่งขึ้น และภายในครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2564 กระทรวงเกษตรฯ จะเสนอจัดการประชุม B2B ระหว่างผู้ประกอบการรัสเซีย และผู้ประกอบการไทยผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล เพื่อติดตามความคืบหน้าจากผลการประชุมครั้งนี้

สำหรับสินค้ายางพารา ผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย จะเร่งดำเนินการประสานหน่วยงาน ROSTEC เร่งจัดทำ MOU กับการยางแห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินการซื้อขายสินค้ายางพารา ทั้งยางแผ่น และยางแท่ง STR20 ระหว่างรัฐกับรัฐต่อไป นายระพีภัทร์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรฯ ยังได้หารือกับฝ่ายรัสเซีย เพื่อขอทราบขั้นตอนการนำเข้าสินค้าเกษตรไปยังกลุ่มประเทศยูเรเซีย (Eurasian Economic Commission) ซึ่งประกอบด้วย 5 ประเทศหลักได้แก่ รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน โดยฝ่ายรัสเซีย ในฐานะประเทศผู้ก่อตั้ง พร้อมเป็นหลักในการผลักดันความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก EEC กับประเทศไทย