ใครบ้างเกิดมาไม่เคยมีความทุกข์ และใครบ้างเกิดมาไม่เคยมีความสุข ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ล้วนเคยมีทั้งความสุขและมีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น แล้วเราจะวางจิตใจให้อยู่เหนือความสุขความทุกข์ในโลกนี้ได้อย่างไร เพื่อให้ชีวิตเป็นอิสระจากพันธนาการทั้งปวงอย่างแท้จริง
เพื่อใช้ชีวิตอย่างไม่หลงระเริงไปกับความสุขและจมปลักอยู่กับความทุกข์มากเกินไป เพื่อปล่อยวางจิตใจให้เป็นอิสระเสรี มาเดินทางไปทำความรู้จักโลกของความสุขและความทุกข์ของเรากันเถอะค่ะ
ความสุขของแต่ละคน มีอะไรบ้างคะ ?
สุขภาพดี ก็มีความสุข
มีเงินเยอะ ก็มีความสุข
มีบ้านหลังใหญ่ ก็มีความสุข
มีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ ก็มีความสุข
มีรูปร่าง หน้าตาดี ก็มีความสุข
มีลูกดี ลูกกตัญญู ก็มีความสุข
มีสามีดี มีภรรยาเอาอกเอาใจ ก็มีความสุข
มีพี่ที่รักน้อง มีน้องที่เคารพพี่ ก็มีความสุข
มีเจ้านายเมตตา มีลูกน้องซื่อสัตย์ภักดี ก็มีความสุข
ความสุขเหล่านี้ ยั่งยืนตลอดไปไหม ?
ถึงตอนนี้เราจะมีสุขภาพดี เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะแข็งแรงตลอดไปจนอายุ 80ปี 90 ปี ไม่เจ็บไม่ป่วยเลย เป็นไปไม่ได้ ถ้าตอนนี้เรามีเงินเยอะ ถ้าไม่ขยัน ใช้จ่ายอย่างเดียว เงินมีวันหมดไหม และถ้ายังอยากให้เงินมีเยอะๆ อยู่ตลอดเวลา ต้องขยันหาเงินเยอะๆ ไหม… ทำงานหาเงินเยอะๆ แล้วเหนื่อยไหม… ทำงานเยอะๆ ไม่พักเลย ร่างกายจะทรุดโทรมเจ็บป่วยไหม…
รูปร่างหน้าตาคนเรา ยังมีการเปลี่ยนแปลง เราตอนอายุ 20 กับเราตอนอายุ 40 ต่างกันเยอะไหม ถ้าเรายอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ เราก็จะมีความสุขอยู่ แต่ถ้าเราไม่ยอมรับความแก่ ความเหี่ยวย่น เราก็จะเป็นทุกข์ บ้านของเรายังมีวันเก่า ร่างกายของเราก็ต้องมีความทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จากเด็กไปสู่แก่แล้วก็ตาย แล้วมีไหมที่จากเด็กไม่ทันได้แก่ก็ตายเลย (มี) ร่างกายของคนเรา มีวันเปลี่ยนแปลงได้ มีเจ็บ มีแก่ แล้วก็ตาย
ทรัพย์สมบัติ สิ่งของ คนที่รัก เปลี่ยนแปลงได้ไหม ? (ได้) แล้วอะไรล่ะ ที่เป็นความสุขอันจีรังยั่งยืน ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่มีวันสูญสลาย (จิตเดิมแท้) แล้วตอนนี้เราพบจิตเดิมแท้ แล้วหรือยัง ? ถ้ายังไม่พบ ต้องทำยังไงถึงจะได้พบ ?
บำเพ็ญธรรม หมั่นย้อนมองส่องตน แปรเปลี่ยนตนเป็นคนใหม่ ให้จิตใสขึ้นทุกๆ วัน พูดถึงความสุขไปแล้ว ไม่พูดถึงความทุกข์คงไม่ได้ เพราะสุขทุกข์เป็นของคู่กัน เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ เป็นธรรมดาสามัญ เป็นธรรมชาติของทุกชีวิต
ถามว่าความทุกข์ที่เราต้องพบเจอ มีอะไรบ้าง?
เกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพราก อยู่กับสิ่งที่ไม่รัก อยากได้ไม่สมหวัง ทุกข์เพราะขันธ์ห้า คือการมีร่างกาย มีความรู้สึก มีความทรงจำ มีความคิดปรุงแต่ง และมีการรับรู้ ร้อนมาก หนาวมาก คิดมาก โกรธมาก โลภมาก หลงมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เราเป็นทุกข์ เราไม่ควรไปรังเกียจความทุกข์ เพราะถ้ายังมีชีวิตมีร่างกายอยู่ ก็ยังมีเหตุให้ต้องทุกข์อยู่ อยู่ที่ว่าเราจะฝึกฝนอย่างไร ที่จะรู้เท่าทันความทุกข์และอยู่กับความทุกข์อย่างรู้เนื้อรู้ตัว ให้ความทุกข์นั้นเป็นเพียงทุกข์ทางกาย แต่ไม่เอามาเป็นทุกข์ทางใจ
ดังนั้นสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมาเพื่อให้เรายืมใช้ ร่างกายนี้ก็เช่นกัน อยู่ที่เราเลือกว่า จะใช้ทำความดี ใช้ปฏิบัติบำเพ็ญธรรม สร้างสันติสุขภายในตน หรือจะใช้สนองกิเลส สนองความอยากอันไม่รู้พอ ใช้เสพสุขกับสิ่งมายาชั่วคราวในโลกนี้ แล้วก่อหนี้บาปเวรกรรมให้ตัวเองต้องรับทุกข์ไม่จบสิ้น ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นผู้เลือกเอง กำหนดชีวิตของตนเอง ทำดีขึ้นสวรรค์ ทำชั่วตกนรก “อยากพ้นทุกข์ก็ต้องศึกษาบำเพ็ญธรรม”
สุขทุกข์พลัดเปลี่ยนหมุนเวียน เป็นธรรมดาสามัญของมนุษย์ปุถุชนทั่วไป เราจึงไม่ควรรักสุขเกลียดทุกข์ ควรทำความเข้าใจให้ท่องแท้ จะมีคุณประโยชน์มากกว่า เพราะถึงเราจะเกลียดทุกข์ ไม่อยากมีทุกข์อย่างไร เราก็หนีทุกข์ไม่พ้น ตราบที่เรายังมีร่างกายให้กระทบสัมผัส ก็ย่อมมีอารมณ์ความรู้สึก
สุขทุกข์เป็นของธรรมดา ทางธรรมเรียกว่า โลกแห่งทวิภาวะ หรือของคู่ มีดีก็มีร้าย มีชอบก็มีชัง มีอ้วนก็มีผอม มีรวยก็มีจน พอของสองสิ่ง หรือคนสองคน มาอยู่ด้วยกันใกล้กัน หากนำมาเปรียบเทียบกัน แล้วเกิดจิตใจแบ่งแยก ยึดติด ก็จะเป็นทุกข์ เพราะหากคนสองคนมาอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งสูง อีกคนก็ต้องเตี้ยกว่า คนหนึ่งขาวอีกคนก็ต้องดำกว่า และคนที่ว่าดำกว่า ถ้าไปอยู่กับอีกคนก็อาจจะขาวกว่าขึ้นมาก็ได้เหมือนกัน
ดังนั้นจึงถือว่าสุขทุกข์เป็นแค่ชั่วคราว วันนี้สุข พรุ่งนี้ทุกข์ ไม่มีสิ่งใดเป็นอยู่เช่นนั้น แบบนั้น มั่นคงถาวรตลอดไป นี่คือ กฏแห่งไตรลักษณ์ ที่ว่าสรรพสิ่งบนโลกนี้มีความไม่เที่ยง มีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา เราจึงไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่น เมื่อนั้นแล้วก็จะสิ้นอัตตาตัวตน เรียกว่า ตายก่อนตาย คือทำให้ทิฐิมานะ กิเลสอารมณ์ทั้งหลายดับสิ้น ตั้งแต่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
เมื่อไหร่ที่เราเข้าใจสุขทุกข์ในชีวิตของตนเองดีแล้ว เราจะสามารถเข้าใจชีวิตจิตใจของผู้อื่นดีขึ้น และใช้ชีวิตอย่างสมานฉันท์ เห็นอกเห็นใจกัน และเมื่อนั้นสังคมก็จะดีขึ้นกว่าที่เคย
15/5/2566 ห้องพัก (ใจ)