คอลัมน์  : วิญญาณของฉัน  ตะวันออก (East Of My Soul) นักเขียน : สุวิชานนท์  รัตนภิมล (Suvichanon Rattanapimol)

ล่วงถึงเดือนมิถุนายน  ฝนตกทั้งวันทั้งคืนต่อเนื่องกัน  เปลี่ยนท้องฟ้าฝุ่นควันเป็นสีฟ้ามวลเมฆห่อห่มปกคลุม  สบายตาสบายใจ ไล่ความอึดอัดขัดเคืองออกไปจากใจได้มากมาย  ฤดูกาลกับชีวิตความเป็นอยู่ คืออารมณ์ของกายและใจ ไม่หยุดนิ่ง ผันแปรเปลี่ยนตลอดเวลา ความจริงอันไม่อาจปฏิเสธความจริงบนผืนดินโลก

สองสามปีก่อนโน้น  นอกจากฝุ่นควันในอากาศแล้ว  เชื้อร้ายโควิดโคโรน่าก็ระบาดไปทั่วหย่อมย่าน ทั่วโลกทั่วแดน ครอบคลุมถึงคนทุกเพศทุกวัน ตั้งเค้าและดำเนินไปอย่างน่ากลัว น่าหวาดหวั่นเกรงในวันพรุ่งนี้  ทั้งฝุ่นควันทั้งเชื้อโรคผสมปนเปราวกับติดอยู่ในขุมนรกบนดาวสีน้ำเงิน

ต้นก้ามปูออกดอกบานสะพรั่งหน้าฝุ่นควัน  เริ่มโปรยร่วงหายไปจากกิ่ง  กลีบดอกร่วงโปรยเร็วกว่าปีก่อนหรือไม่  มะม่วงโชคอนันต์ในสวนเดือนมิถุนายนปีนี้ ไม่มีลูกให้เก็บเกี่ยว ฝนกำลังมา เหมือนมะม่วงชวนกันหลับใหลทั้งสวน  เพิ่งฟื้นตื่นขึ้นมาออกดอก  เหมือนฝูงมดดำเสียท่าไม่รู้เท่าทันฝนหรืออย่างไร  ย้ายรังไม่ทันตายเป็นเบือรับน้ำฝน  หรือฝนมามดต้องตายหมู่ตามไปด้วย อานุภาพเม็ดฝนเทียบเท่าระเบิดนาปาล์มของหมู่มดหรือเปล่า  

มดตัวเล็กตัวน้อยย้ายรังจากกลางแจ้งมาอยู่ใต้ชายคา  ปรากฏการณ์วันสองวันก่อนฝนจะมา

ปีนี้มดย้ายรังเร็วขึ้น  และมดตายหมู่มากมายจนผิดปกติ

รายงานจากหน่วยงานพยากรณ์อากาศ  บอกพายุก่อตัวกลางมหาสมุทร  แต่แผ่นดินทุ่งภูเขาให้ระมัดระวัง   ดีเปรสชั่นหรือโซนร้อนล้วนนำพาพายุหมุนบิดเกลียวลม ห่าฝน ฝนตกหนักน้ำท่วม ดินถล่ม สารพัดความเป็นไปอันเนื่องมาจากพายุที่ก่อตัวจากกลางทะเล  ไม่มีข่าวว่าจู่ๆพายุก่อตัวขึ้นกลางหุบเขา หรือกลางป่าดิบ  ทะเลมหาสมุทรนำพาห่าฝนมาให้  ลานตากกาแฟ  สะพานข้ามลำห้วย  พืชผลปลูกตามฤดูล้วนรับแรงกระแทกมากน้อยตามกันไป  ไม่เคยมีความพอดีในเรื่องดินฟ้าอากาศจากคำพยากรณ์

ในโลกของสัตว์   สัญชาตญาณล้วนๆที่คอยขับเคลื่อนตัวมัน

ผ่านไปถามใครยามนี้  ให้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อากาศชุ่มฉ่ำชื่นใจ  หุบเขาเขียวขจี  นับแต่มีนา เมษา พฤษภาคม  คลื่นความร้อนปกคลุมผืนดิน แทบไม่มีที่นั่งที่นอน บ่นอุบทั้งในเมืองใหญ่และชนบท  แดดกินคน กลางคืนกลางวันแทบไม่ต่างกันเลย คือร้อนๆๆๆ

ต่างรอฝนมา ฝนตกบ้านใครหมู่บ้านไหนกลายเป็นความมหัศจรรย์ รั่วไหลสะเทือนตื้นตันในโลกโซเชียลสื่อออนไลน์  ปรากฏการณ์ฝนตก   กลายเป็นปรากฏการณ์เกิดใหม่  เราต่างรอนานเกินไป จนแทบลืมว่าฤดูฝนมีอยู่จริง

ในโลกของแมลง มด ตื่นตัวไม่น้อยไปกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น

มด  แมลง แมงปีกอีกหลายชนิด  ต่างมุดออกมาจากดินราวกับนัดหมาย  ฝูงแมลงมหึมาบินเล่นไฟ  ตายเกลื่อนพื้น  รวมไปถึงกบเขียด  พวกสัตว์เลื้อยคลาน  ตื่นขึ้นมารับฝน  เกิดความเคลื่อนไหวในหมู่สัตว์แมลงกันคึกคัก  คนล่าแมลงก็ออกตามหาแมลงมากิน แมงเม่า แมงมัน แมงพลับ แมงดินบินออกจากใต้พื้นพิภพตามกันมา

สีสันชีวิตที่มากับฝน  โลกแมลงตื่นรู้กันมาก่อน  ด้วยเหตุกายภาพของเหล่าตัวเต็มวัย  กรูกันออกมาจับคู่ผสมพันธุ์  เพศผู้เรียกเพศเมีย  เพศเมียตามเพศผู้  ชวนกันมาทิ้งปีกทิ้งซากตายเกลื่อน  สมเหตุสมผลหรือไม่  บนห่วงโซ่อาหาร  มดกรูกันมาขนซากได้กินซากอิ่มหนำตามไปด้วย  

คนที่เฝ้าสังเกตต้นไม้(รวมผู้เขียนเข้าไปด้วย)  มีคำถามถึงต้นไม้ว่า  ปีนี้ต้นไม้ร่วงเร็ว  ผลิใบเร็ว  เหมือนมันจะรู้ก่อนใครอื่น  ว่าฝนทิ้งช่วงนาน  ต้องสลัดใบจำศีลบำเพ็ญภาวนากันยาวนาน  เมื่อรู้ว่าจะมาก็ชวนกันผลิตุ่มตาใบอ่อนให้แข็งแรงพร้อมรับน้ำฝน

ผู้เขียนจดจำได้แม่นยำว่า  ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม  2547  พายุดีเปรสชั่นก่อตัวในอันดามัน  พัดผ่านจังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน  ยังผลให้ดินถล่มทลาย  น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่  เหตุการณ์คราวนั้นเกิดขึ้นเร็ววันต่อวัน

ก่อนหน้าจะเกิดพายุ  อากาศร้อนจัดติดต่อกันนานมาก  อยู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างหนักหน่วงทั้งวันทั้งคืน  แล้วอาณาบริเวณป่าสมบูรณ์สองฟากแม่น้ำเงาก็พังลงมา  ทั้งโคลนหินทราย  ต้นไม้ท่อนไม้ฉีกขาดไหลมาตามน้ำ กระจัดกระจายสองฝั่งแม่น้ำ

ปลาหนีตายไปตามลำห้วยสาขา  นอนตายส่งกลิ่นเหม็นทั้งป่า  หมูวัวควายลอยมากับน้ำ เน่าเหม็นฝังทรายกลายเป็นซากเน่าที่บาดตาบาดใจผู้คนตามป่า เป็นปีของป่าสะเทือนที่ผู้เขียนจดจำฝังใจ

น่าจะเป็นบทเรียนแรกของปีต่อๆมา  ถึงความคาดหมายว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก  ซึ่งก็เกิดขึ้นมาจริงๆ  กระจายไปตามจังหวัดต่างๆในภาคเหนือ  ล้วนเป็นแรงส่งมาจากพายุเคลื่อนผ่าน  เราต่างปักใจเชื่อว่าพายุเป็นตัวการณ์ให้เกิดน้ำท่วมโคลนถล่ม  แต่มีใครคิดต่อบ้างว่า  กำเนิดพายุในธรรมชาติ  มือคนชาวโลกมีส่วนร่วมหนุนให้เกิดความรุนแรงยิ่งขึ้นทุกปี

บรรยากาศฝนตกจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  ไม่ใช่ฝนฤดูที่ค่อยๆตกลงมา   น้ำค่อยๆซึมลงดิน  ไหลลงสู่ชั้นใต้ดิน  คนใช้ชีวิตกันไปตามปกติ  แต่กลายเป็นว่า  ฝนมาเมื่อไหร่ให้ระวังไว้อย่างหนัก   เตรียมการณ์รับมือแบบวันต่อวัน  เพราะปริมาณน้ำฝนที่ตกมากติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง  และไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่ายๆ

ผลจากผืนดินร้อนจัดต่อเนื่องกันนาน  พอฝนตกก็ตกลงมาอย่างหนักหน่วง  ผลที่ตามมานั้นคือเนื้อดินรับน้ำไว้ไม่อยู่  ดินพังทลายเหนือความคาดคิด

ว่ากันว่า  วัวควายสัตว์ที่ล่วงรู้ล่วงหน้า  ว่าน้ำจะมากหรือน้อย  ด้วยหนีขึ้นไปอยู่บนที่สูง  เลี่ยงหากินตามหุบห้วย  หรือริมฝั่งแม่น้ำ  ยังลอยคอตายตามน้ำ  เช่นเดียวกับปลา  สัตว์ที่มีชีวิตกับแม่น้ำ  รู้ทางหนีทีไล่ดีที่สุด  ยังตายเป็นเบือ  ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วตลอดลำน้ำ

เหตุการณ์ในธรรมชาติ  ยังถูกจารึกให้นึกถึงต่อไปอีกนาน

เหมือนว่า  สิ่งที่เกิดขึ้น  เกิดมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว  แม้แต่สัญชาตญาณสัตว์ก็ยังตั้งรับไม่ทัน

สัญญาณฝนตกต่อเนื่องต้นเดือนมิถุนายน  ยิ่งย้ำบอกให้รู้ว่าแผ่นดินไม่เหมือนเก่าอีกแล้ว  ยิ่งเห็นมดตายหมู่  รังกระรอกร่วงลงจากยอดไม้  รังเปียกแต่ลูกของมันยังเล็กแดง  เหมือนจะบอกเหตุเรื่องไม่ธรรมดาที่รออยู่ข้างหน้า

ปรากฏการณ์ฝนมากับลมแรงผิดปกติ   กระทบถึงสัตว์ที่อยู่รอบๆตัวเรา  ดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและแสนจะธรรมดา  แต่ในสายใยสัมพันธ์อันละเอียดอ่อน  นั่น ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย  และยากจะคาดเดาว่ามีสิ่งใดรออยู่เบื้องหน้า ณ แห่งหนตำบลใด

แมลงเล็กๆพลีชีพบอกเหตุ  มาเตือน  ให้สัญญาณบางอย่าง  ถึงแผ่นดินโลกที่เปลี่ยนไปจริงๆ  ไม่คืนกลับดังเดิมอีกแล้ว  และนับวันจะยิ่งรุนแรงขึ้น  กระทบต่อมนุษย์อย่างไม่ทันตั้งตัว  ปรากฏการณ์โลกร้อน  เดินทางมาล้อมหน้าล้อมหลัง  โอบตัวมนุษย์ไว้ทุกด้านแล้ว  เหมือนไม่มีที่ใดปลอดภัยอีกแล้ว ทั้งป่าเขา เมือง หรือชนบทห่างไกล

……………………………………………

ช่องทางการสนับสนุนนักเขียน : ขอบคุณที่ร่วมสนับสนุนเรา

ผู้อ่านสามารถโอนเงิน ผ่านธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี สุวิชานนท์ รัตนภิมล 5040121906 ออมทรัพย์