ช่วงสองเดือนหลังเราวุ่นวายกับเว็บไซต์ เพราะ musicicup4 เติบโต ยืนต้น เราเริ่มมองเห็นแล้วว่า musicicup4 พอจะเป็นหลักที่พึ่งพิงได้ในอนาคต สัญญาณบอกเหตุ มิใช่รายรับหรือรายได้ แต่หมายถึงค่าใช้จ่ายที่ลดลงและมีแนวโน้มว่า เราสามารถควบคุมรายจ่ายได้ในอนาคต นั่นจำเป็นที่เราต้องมองเว็บไซต์เป็นธุรกิจประเภทหนึ่ง Phayaobiz.com และ musicicup4.com เหมือนร้านค้า ร้านโฆษณา ทำป้าย ทำสื่อ และธุรกิจเพื่อสังคม

เหตุผลก็เพราะต้นทุนการผลิตส่วนหนึ่งมาจากสังคม ผู้คนที่ให้สัมภาษณ์คือบุคคลสำคัญของเมืองไทย ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินแขนงต่างๆ เช่น จิตรกรรม วรรณกรรม นักร้อง นักดนตรี การพูดคุยให้ความรู้เป็นต้นทุนทางสังคมที่มีค่ามาก ฉะนั้นในทุกครั้ง เราจึงทำบทสัมภาษณ์อย่างสุดความสามารถ เก็บข้อมูล กำหนดประเด็น เตรียมความพร้อม บันทึกเสียงสนทนา ถอดบทบันทึกเสียงเป็นตัวอักษร เรียบเรียง ดำเนินการตรวจสอบอีกครั้งจากผู้ให้สัมภาษณ์ หลังจากนั้นจึงนำเสนอ

ผมอาจเป็นเหมือนไดโนเสาร์ที่กำลังกลายพันธุ์อันมีวิวัฒนาการมาจากคนทำหนังสือพิมพ์ เติบโตจากโรงพิมพ์ภูอักษร โรงพิมพ์ในห้องแถวหลังเล็กหน้าโรงพยาบาลเชียงคำ จังหวัดพะเยา ทำหนังสือพิมพ์ “พะเยารัฐ” หลังจากนั้น เติบโตในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์หลายฉบับ กระทั่งหมดยุคของสื่อสิ่งพิมพ์ ต้องดิ้นรน กระเสือกกระสนเพื่อมีชีวิตที่ดีอยู่ในระบบราชการ ผมใช้เวลาว่างจากการทำงานเขียนหนังสือ ทำบทสัมภาษณ์ กระทั่งการเขียนหนังสือกลายเป็นนิสัยติดตัว

หากมอง phayaobusiness.com , phayaobiz.com , Musicup4.com เป็นธุรกิจที่ล้มเหลว ดับไปแล้ว 1 เว็บ ทรงตัวได้ 1 เว็บ น่าจะรอด 1 เว็บ ธุรกิจเราขาดทุนมาตลอดในห้วงระยะเวลา 10 ปี แต่ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เราศึกษาความรู้พื้นฐานด้านการเงินอย่างจริงจัง เหมือนคนป่วยเป็นโรคมะเร็งที่มองเห็นคุณค่าของชีวิตตนเอง เรามองเห็นคุณค่าของเนื้อหาบทสัมภาษณ์ บางเรื่องราวสามารถเปลี่ยน Mindset หรือ กรอบความคิดแบบเดิมของผู้อ่านไปในทางที่ดีได้ ผมอยากให้เว็บไซต์อยู่รอด

ข้อดีของการทำเว็บไซต์ คือ มีต้นทุนทางสังคมที่ดีมาก ผู้ให้สัมภาษณ์หลายท่านเป็นผู้ทรงความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญงานในแต่ละด้านอย่างแท้จริง แต่ละท่านเปิดใจให้สัมภาษณ์อย่างจริงใจ ไม่เคยปิดบังข้อมูล สำหรับผมการทำบทสัมภาษณ์เป็นกิจกรรมเพื่อสังคม ผมคิดว่า การทำบทสัมภาษณ์ทำให้ ผู้คน สังคม ดีขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น เพราะการอ่านหนังสือจำเป็นต้องใช้ความคิด ต้องใช้การพิจารณา ความคิดจากการอ่านจึงเป็นความคิดที่ได้จากการตรึกตรองมาดีแล้ว ความเกลียดชัง ความโน้มเอียงเจึงเกิดขึ้นได้ยาก ตรงกันข้ามกับเวทีปราศรัย

หลายปีที่ผ่านมา ผมเลือกใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ เลิกดูทีวี นอกจากบางเวลาที่ต้องคุยกับพ่อหรือแม่ซึ่งชอบดูทีวี เลิกทำงานเขียนหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เลือกทำบทสัมภาษณ์ศิลปิน นักดนตรี ฟังความคิดของกลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ NGO ให้มากขึ้น มองประเด็นความขัดแย้งและเว้นระยะห่าง เพราะทุกคนมีพื้นที่ของตนเอง เมื่อคนอยู่ใกล้กันมากเกินหากมิเกิดความรักก็มักจะเกิดความเกลียดชัง คุณลักษณะแบบนี้จึงอยู่กับเว็บไซต์ อยู่กับนิสัยการเขียน ซึ่งในห้วงระยะเวลานานอันผ่านมา เราล้าสมัยมากหากพูดถึงการเมือง เราจึงเลือกเปิดคอลัมน์ใหม่ ชื่อ Peo Politics หรือ People Politics เพื่อนำเสนอ คนการเมือง การเมืองที่มิได้หมายถึง นักการเมือง แต่หมายรวมถึงบุคคลในสังคมที่มีบทบาทต่อการเมือง การเมืองภาคประชาชน เยาวชนกับการเมือง หรือ มุมมองความคิดประสบการณ์ของนักการเมือง เพื่อทำความเข้าใจและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน