วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2567 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ,พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 , พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ , พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 5 ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง, ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว กรณีเหตุชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้าเซนทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่

หลังก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามผู้ต้องสงสัยถึงบริเวณ วัดผาลาด สกิทาคามี ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ พบรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พบคราบเลือด บริเวณเบาะข้างคนขับ หัวกระสุนปืน จำนวน 1 นัด ขนาด 9 มม. ตกอยู่ภายในรถยนต์ ตรจสอบข้อมูลพบว่า รถยนต์คันดังกล่าวเป็นของว่าที่ร้อยตรีสุเทพ ชัยนันตา ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น ณ เวลาตรวจสอบ อาจเป็นกรณีร่วมกันลงมือชิงทรัพย์และเกิดการทะเลาะภายหลังทำให้ผู้ต้องหาที่ลงมือชิงทองลงตัดสินใจสังหารผู้ร่วมกระทำผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแบ่งกำลังเข้าพื้นที่ตรวจสถานที่ ณ จุดเกิดเหตุ และบริเวณโดยรอบรัศมีสถานที่เกิดเหตุ

ต่อมารับแจ้งข้อมูลว่า มีผู้นำทองคำขายให้กับร้านทองจากการสืบสวนทราบว่า ผู้นำทองคำมาขายให้กับร้านทองคือ นายนิพิฐพล สมบูรณ์สุขยิ่ง อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจค้นบ้านพักของนายนิพิฐพล สมบูรณ์สุขยิ่งพบของกลางสร้อยคอทองคำ จำนวน 17 เส้น, เครื่องแต่งกายที่ใช้ก่อเหตุ และอาวุธปืน ขนาด 9 มม.

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองได้เดินทางนำรถจอดไว้บริเวณเชิงดอยสุเทพ หลังจากนั้นโทรศัพท์ลวงว่าที่ร้อยตรีสุเทพ ชัยนันตา ซึ่งประกอบอาชีพ Grab มารับบริเวณเชิงดอยสุเทพฯ หลังจากนั้นใช้อาวุธปืนยิงสังหารแล้วอำพรางศพ หลังจากนั้น นำรถยนต์ของว่าที่ร้อยตรีสุเทพ ชัยนันตา นำมาใช้ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองแล้วขับรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุมาจอดบริเวณ วัดผาลาด สกิทาคามี ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ แล้ววิ่งย้อนกลับบนเส้นทางเดิมถึงบริเวณที่จอดรถซึ่งตนเองได้จอดทิ้งไว้ก่อนก่อเหตุ

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ,พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยนายตำรวจสืบสวนชั้นผู้ใหญ่ ควบคุมการสืบสวนสอบสวน กระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้อง คลี่คลายคดีได้โดยใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง