สมศักดิ์ แก้วทิตย์ มือกลอง เล่าว่า กระบวนการทำเพลงปัจจุบันง่ายกว่ายุคสมัยก่อน คนทำเพลงมีคอมพิวเตอร์หนึ่งตัวก็สามารถสร้างห้องบันทึกเสียงเป็นของตนเองได้ สมัยก่อนการทำงานดนตรียากมาก การบันทึกเสียง มีเพียงเครื่องมือบันทึกเสียง 4 แทร็กคาสเซ็ท กลอง กีตาร์ เบส เสียงร้อง ทำเป็นเพลงคร่าวๆ ถ้าทำเป็นเพลงโฟร์คซองก็จะง่าย มีเพียงกีตาร์ตัวเดียวก็สามารถทำเพลงได้แล้ว ยุคสมัยก่อน เราบันทึกเสียงจากเทปคาสเซ็ทแบบแยกแทร็ค เราใช้เทคนิคแยก 4 แทร็ค เป็น 8 แทร็ค เพื่อทำเพลงเดโม เวลาแต่งเพลง ทำดนตรี ก็เล่นให้กัน..ฟังแล้วบันทึกเสียง แต่งเพลงกันสดๆ สเก็ตความคิดคร่าวๆ
วงดนตรีดอนผีบิน มีเครื่องดรัมแมชชีน (Drum machine) ซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำลองเสียงกลอง บันทึกเสียงกลอง เป็นรูปแบบ (Pattern) นั่นเป็นจุดเริ่มต้นการทำงานเพลงเดโมในยุคสมัยนั้น ผลงานเพลงที่สร้างสรรค์ทำให้เรารู้สึกว่า มันเป็นของเรา มันเป็นรูปเป็นร่าง ตอนนั้น เทคโนโลยีด้านการบันทึกเสียงสามารถปรับเครื่องมือบันทึกเสียงได้ พวกเราลาออกจากงานประจำ สมบัติ แก้วทิตย์ มือกีตาร์ ลาออกจากการรับราชการครู ผมลาออกจากพนักงานบริษัทเงินเดือน 40,000 – 50,000 บาท ส่วนน้องชายสมคิด แก้วทิตย์ ก็ลาออกจากงานบริษัทเช่นกัน พวกเราคุยกันเรื่องการทำเพลง ทำงานเพลงอย่างจริงจัง ซื้อเครื่องดนตรี เครื่องมือทำเพลง ส่วนอิทธิเรื่องแนวดนตรีก็มาจากการฟังเพลงยุคสมัยที่เราเรียนมหาวิทยาลัย พวกเราตัดสินใจลาออกจากงานเพราะความชอบและความสุข คนอยากเป็นช่างก็เป็นช่าง อยากเป็นหมอก็เป็นหมอ อยากเป็นนักดนตรีก็เล่นดนตรี คนที่อยากดังมีชื่อเสียงก็พยายามทำเพลง เมื่อทำเพลงขายเทปได้จำนวนมากก็ได้เงิน
การทำเพลง Rhythm section กลองกับกีตาร์ เป็นตัวเลือกแรกที่จะเริ่มกัน โซโล่ เบส เขาจะเอาไว้ทีหลัง เขาจะคิด Riffs คิดโครง เราจะเอาแบบไหนต้องมาแจมกัน ทำเพลงกันแบบสดๆ อีกกลุ่มคือ สิงห์สตูดิโอ (คนทำงานเพลงในห้องบันทึกเสียงตลอด) พอถึงเวลาจะเล่นก็ต้องซ้อมดนตรีเหมือนบทเพลงที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำบทเพลงขึ้น ดอนผีบินเริ่มแต่งเพลงด้วยวิธีแจม ตัวอย่างเพลง “คนกินคน” อัดเสียงไว้ได้ก่อนผู้ให้เช่าห้องจะไล่พวกเราออกจากห้องเช่า หลังนั้นก็เปลี่ยนเป็นการคิดแล้วอัดแทนการแจม โดยใช้ดรัมแมทชีนมาทำโปรแกรมแทนตีกลองจริง พวกเราทำเพลงกระทั่งสามารถนำไปให้เพื่อนฟังได้ คุยกันได้เมื่อเจอนักดนตรีเหมือนกัน เรามีความเป็นตนเอง มีบทเพลงจำนวน 12 เพลง เราบันทึกเสียงทำเป็นเพลงใต้ดินเพื่อจำหน่าย ตอนนั้น เราก็มีความคิดจะนำเสนอผลงานเพลงให้กับค่ายเพลง แต่ก็รู้ว่าคงไม่มีค่ายเพลงใดรับเข้าค่าย เพราะเพลงส่วนใหญ่ของดอนผีบินเป็นดนตรีแนว Metal ดนตรีหนัก ยุคสมัยนั้น บริษัทผู้ผลิตดนตรีมี 2 ค่าย คือ แกรมมี่ กับ อาร์เอส ซึ่งทำเพลงโดยมีพื้นฐานด้านการตลาด แต่โชคดีในช่วงหลัง ค่ายเพลงขนาดเล็กเกิดขึ้น อาจเป็นเพราะกระแสการทำเพลงของต่างประเทศ ศิลปินเริ่มทำเพลงใต้ดิน เมื่อมีผลงานแล้วจึงนำผลงานเสนอค่ายเพลง
พ.ศ.2536 ตอนนั้นดอนผีบินออกเทปชุดแรก เปรียบเทียบ คนฟังเพลง 100 คน ฟังเพลงต่างประเทศ 20-30 คน นอกจากนั้นฟังเพลงไทย คนฟังเพลงร๊อคต่างประเทศต้องฟังจากเทปคาสเซ็ท ไม่มีรายการวิทยุหรือไม่มีรายการทีวีที่นำเสนอเพลงต่างประเทศ มีเพียงเทปคาสเซ็ทละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นสื่อเดียวที่นักฟังเพลงร๊อคต่างประเทศจะพบเจอได้ สำหรับแฟนเพลงดอนผีบินมีก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง ตัวอย่าง วงหินเหล็กไฟทำอัลบั้ม จำหน่ายเทปคาสเซ็ทได้ 1 ล้านตลับ ธุรกิจดนตรีขยายตัว แต่ไม่ได้หมายว่าคนฟังเพลงร็อคมากขึ้น สำหรับกลุ่มคนฟังของดอนผีบินก็จะเป็นอินดี้ กลุ่มเรียนช่าง เรียนศิลปะ ชอบอะไรใหม่ๆ ช่วงแรกผมทำอัลบั้มใต้ดิน ขายเอง ลงทุนเอง ได้เทปมาสเตอร์ เขียนหนังสือส่งข่าวให้กับนิตยสารดนตรี หนังสือดนตรีก็มีเพียงไม่กี่เล่ม เช่น นิตยสาร The Quiet Storm นิตยสารสีสัน สื่อหนังสือก็จะมีเรื่องธุรกิจ ส่วนใหญ่ค่ายเพลงจะซื้อโฆษณา บางทีเราส่งข่าวให้หนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร กองบรรณาธิการก็ไม่ประชาสัมพันธ์ให้ นอกจากหนังสือที่เป็นอิสระจริงๆ
ชุดแรกเราทำอัลบั้มเรายังทำงานประจำ พอทำอัลบั้มที่สองพี่สัมบัติมือกีตาร์ลาออกจากราชการ ตอนนั้นรับราชการครู ผมกับน้องชายลาออกจากบริษัท เราเดินบนเส้นทางดนตรีที่มันเท่ห์ เราคิดว่าจะอยู่กับดนตรี เราไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นจะคิดยังไง เราลาออกงานเพื่อมาทำเพลงขาย อยู่ได้เพราะเงิน เราก็ต้องขายเทป ได้เงินแบ่งกันเท่าใด อัลบั้ม 3 เราอยู่กับดนตรี ทำได้สองชุดต่างคนต่างใช้ชีวิตของตนเอง พอทำชุด 6 ก็ย้ายคนละทิศทาง สมบัติหนีกลับท่าวังผา น่าน ใช้ชีวิตอยู่รอดยังไงก็ไม่รู้เป็นเวลา 12 ปี โดยไม่มีงาน ทำงานอนุรักษ์
ผมกลับเชียงใหม่มาทำห้องอัดเสียง ทำค่ายเพลงของตนเองชื่อว่า “เดย์วันเร็คคอร์ด” มีห้องบันทึกเสียงอยู่เชียงใหม่ ทำอัลบั้ม รับจ้างทำเพลง ทำสปอตโฆษณา ทำถึงจุดหนึ่งเทปซีดีก็ขายไมได้ เราปรับแผนการทางธุรกิจ เปิดร้านขายเครื่องดนตรี ต่อเนื่องจากการทำห้องบันทึกเสียงเพราะสมัยก่อนอยู่ห้องบันทึกเสียงอยู่กลางทุ่งนา ย้ายเข้าในเมืองมาเช่าตึกแถวทำห้องบันทึกเสียง มองเห็นเขาขายเครื่องดนตรี แล้วก็มีลูกค้าบอกว่า อยากได้เครื่องเสียงสักชุดจะเอาไปประชุมชาวบ้าน เป็นงานของพิธีกร ส่งเสริมชาวบ้าน นั่นเป็นจุดเริ่มต้น หาแบบไหนราคาเท่าไหร่ จัดให้เป็นชุด เป็นจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจขายเครื่องดนตรี
เราทำร้าน Maximum Sound เมื่อ 15 ปี ที่แล้ว สมคิด แก้วทิตย์ ทำงานกับศิลปิน ทำเอ็กซิบิชั่น จัดงานโชว์ภาพ เดินทางไปทำงานที่ลาว ระเหเร่ร่อน ทำงานสถานบันเทิง ตอนนี้อยู่เชียงรายทำงานได้-ประมาณส่งเสริมศิลปะ ส่วน สมบัติ แก้วทิตย์ ใช้ชีวิตศิลปิน อยู่ที่ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แต่ยังคงขายเสื้อดอนผีบิน แต่ยุคสมัยก่อน ขายเสื้อค่อนข้างยาก ต้องเกิดจากแฟนเพลงเขียนมาหา จึงเกิดไอเดีย สกรีนเสื้อธรรมดา แฟนเพลงก็ส่งธนาณัติมาให้
กระทั่งถึงปัจจุบัน คนซื้อเสื้อดอนผีบิน ก็คือแฟนเพลงยุคสมัยนั้น ตั้งแต่ชุดที่ 1 – 4 ช่วงนั้นคนฟังเพลงซื้อเอาไปใส่ เด็กๆ เริ่มเห็น เด็กช่างก็ซื้อกัน ตอนนั้นไม่มีของปลอม แต่เมื่อปีที่แล้วเด็กช่างใส่เสื้อดอนผีบินเป็นทีม ช่วงหลังเกิดการชิงเสื้อดอนผีบินกลายเป็นข่าวใหญ่ มันอาจจะเป็นข่าวทางลบแต่เป็นเรื่องพฤติกรรมของคนในสังคม ตอนหลังก็มีคนผลิตเสื้อดอนผีบินขายเต็มไปหมด ทั้ง พม่า ที่ตลาดอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ วางแผงขายทั่วไปตามตลาดนัด เสื้อดอนผีบินก็เลยขาดความขลัง ตอนนี้ก็กลับมาสู่ภาวะปกติ อาจจะแย่กว่าเดิมเพราะเสื้อดอนผีบินมีในตลาดมากเกินไป
ตอนนี้ศิลปินมี 2 กลุ่ม เขาอาจใช้เทคโนโลยีทำเพลง มองว่าการใช้ Ai ผลิตดนตรีเป็นทางลัด อยากมีชื่อเสียง สื่ออยู่ในมือทุกคน เมื่อมีข่าวหรือกระแสอะไรก็จะกลายเป็นคนดังในชั่วพริบตา ขณะเดียวกันสื่อทุกอย่างก็อำนวย อยากทำเพลงมีคอมพิวเตอร์ตัวเดียว มีคนสอนในยูทูป เรียนรู้หรือหาเพื่อนมาช่วยกันทำเพลง ส่วนการคิดก็ใส่โจทย์กำหนดเงื่อนไขให้กับ AI มันจะนำข้อมูลสร้างเป็นโครงเพลง แล้วก็นำเพลงมาทำต่อ มันอาจเป็นกระบวนการทำเพลงที่เร็ว แต่ในแง่ของความมีจิตวิญญาณและความคิดอาจไม่มี คนฟังเพลงอาจจะไม่รู้ แต่มันก็อาจจะเจ๋งที่คนฟังก็ได้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าศิลปินคนนั้นเป็นคนทำเพลง ความเป็นอมตะก็ไม่มี เพราะมันใช้ Ai บทเพลงหากไม่มีการประชาสัมพันธ์ก็จะเลือนหาย มันต้องมีการแนะนำในสื่อออนไลน์ มีความท้าทายเรื่องการแข่งขัน
ทุกวันนี้ เรานั่งในร้านอาหารดูนักดนตรีเล่นเพลงของคนอื่น เล่นเพลงของศิลปิน นักดนตรีอาจมีทักษะการเล่นดนตรีที่ดีมาก แต่เขาไม่มีผลงานของตนเอง นักฟังเพลงชาวต่างชาติเขาเคารพเรื่องลิขสิทธิ์ ถ้าเอาเพลงคนอื่นมาเล่นเขาจะดูถูก คือ ถ้าจะเอาเพลงเขามาเล่นก็ต้องจ่ายเงินให้เขา ฉะนั้น นักดนตรีที่เป็นศิลปิน คือคนที่คิด สร้างสรรค์ ทำงานตนเอง นำเสนอเพลงแนวใด บางคนก็ไม่มีความคิด ตัวอย่างศิลปินค่ายแกรมมี่ น้อยคนนักที่จะเหมือนกับวง “โลโซ” เพราะเขาสร้างสรรค์ดนตรีขึ้นมาเอง ต่างกับวงดนตรีวงอื่นที่มีเพียงฝีมือ มีคนเขียนเนื้อ มีคนเรียบเรียง บันทึกเสียงก็ไม่ได้บันทึกเสียงเอง บางคนก็เป็นนักร้องก็ร้องเพลงอย่างเดียว ศิลปินในยุคปัจจุบันก็จะมีหลากหลาย ลิซ่า เป็นศิลปินระดับโลกก็มีคนทำให้ เธอมีหน้าที่พรีเซ็นท์หน้าเวที แต่กว่าจะถึงจุดนั้นก็ต้องผ่านการฝึกฝน
โลกทุกวันนี้ ไอ…
รู้กันอยู่ว่าปั…